ม่านผสมผ้าไหม-ผ้าฝ้ายชั้นเยี่ยม - เนื้อผ้านุ่มมีประกายแวววาวเหมือนผ้าไหม กรองแสงได้ดี เหมาะกับห้องนั่งเล่นและห้องนอน
1,มู่ลี่หน้าต่าง
2,กันแสง ป้องกันความเป็นส่วนตัว ตกแต่งพื้นที่ กันความร้อนและรักษาอุณหภูมิ
3,ความสูง: 2.8-3.2
- ภาพรวม
- คำอธิบาย
- สเปก
- ผลิตภัณฑ์แนะนำ
สถานที่กำเนิด: |
จีน |
ชื่อแบรนด์: |
Filitir |
หมายเลขรุ่น: |
ผ้าไหมฝ้าย |
จำนวนสั่งซื้อขั้นต่ำ: |
ผลิตตามขนาดที่กำหนดเอง |
ราคา: |
กำหนดราคาตามขนาด |
รายละเอียดบรรจุภัณฑ์: |
ฟิล์มกันกระแทกและถุงผ้าทอ |
เวลาจัดส่ง: |
7 วัน |
เงื่อนไขการชำระเงิน: |
บัญชีองค์กร |
ความสามารถในการจัดหา: |
สต็อกปกติอยู่ที่ 500,000 เมตร |
วัสดุและวัตถุดิบ
ม่านผสมไหมกับฝ้ายผสานคุณสมบัติเด่นของเส้นใยไหมธรรมชาติและฝ้ายคุณภาพสูงเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยส่วนของไหมนั้นทำจากไหมหม่อนหรือไหมไทยแท้ ซึ่งเป็นเส้นใยโปรตีนธรรมชาติแท้ สะท้อนถึงของขวัญอันล้ำค่าจากธรรมชาติ ส่วนเส้นใยฝ้ายนั้นผลิตจากฝ้ายคุณภาพดี มีเนื้อสัมผัสที่บริสุทธิ์ การผสมผสานสัดส่วนทางวิทยาศาสตร์ของวัตถุดิบทั้งสองชนิดนี้ ไม่เพียงคงไว้ซึ่งความหรูหราของเนื้อผ้าไหมเท่านั้น แต่ยังเพิ่มคุณสมบัติที่เป็นมิตรกับผิวจากฝ้ายเข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย นอกจากนี้ยังปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ช่วยรับประกันถึงความปลอดภัยและสุขอนามัยในการใช้งานตั้งแต่ต้นทาง
ลักษณะภายนอกและเนื้อผ้า
ความแวววาว: ส่วนประกอบของผ้าไหมทำให้ม่านมีประกายเงาแบบนุ่มนวลเฉพาะตัว ไม่แยงตา แต่เหมือน อบอุ่นชุ่มชื่น ดั่งแสงจันทร์ ภายใต้แสงไฟที่แตกต่างกัน จะแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของแสงและเงาอย่างละมุน ช่วยเพิ่มบรรยากาศอันงดงามและโรแมนติกให้กับพื้นที่
พื้นผิว: พื้นผิวมีลวดลายและเนื้อสัมผัสที่หลากหลายและเป็นธรรมชาติ ทั้งให้ความรู้สึกของเส้นไหมที่ละเอียดอ่อนและพื้นผิวเรียบเนียนของเส้นใยฝ้าย ลวดลายทั้งสองชนิดนี้ผสมผสานกันอย่างลงตัวจนเกิดเป็นลำดับชั้นเชิงภาพที่ไม่หวือหวาแต่แฝงรายละเอียดอันประณีต
การสัมผัส: เมื่อสัมผัสด้วยมือ จะรู้สึกได้ถึงความเรียบลื่นและนุ่มลื่นของผ้าไหม รวมทั้งความนุ่มและความฟูของผ้าฝ้าย การสัมผัสทั้งสองแบบผสมกลมกลืนกันอย่างกลมกลืน สร้างประสบการณ์ที่สบายและเป็นมิตรกับผิวหนัง ทำให้ผู้สัมผัสรับรู้ถึงคุณภาพระดับสูงได้ทันที
คุณสมบัติการใช้งาน
การระบายอากาศและการดูดซับความชื้น: ได้รับประโยชน์จากคุณสมบัติการระบายอากาศที่ดีของเส้นใยฝ้ายและการดูดซับความชื้นของผ้าไหม ม่านสามารถช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้อย่างอิสระ ขณะเดียวกันก็ดูดซับความชื้นส่วนเกินในอากาศ ช่วยรักษาสภาพอากาศภายในอาคารให้สดชื่นและแห้งสบาย สามารถลดความอับชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพในฤดูฝน และป้องกันความแห้งเกินไปในฤดูแล้ง
การปรับแสง: ขึ้นอยู่กับความหนาและเนื้อผ้าที่แน่นหนา ผ้าม่านจะมีความสามารถในการปรับแสงต่างกันไป ผ้าแบบบางและเบาสามารถกรองแสงจ้าได้ ทำให้แสงธรรมชาติอ่อนๆ ส่องเข้ามาในห้องได้ ในขณะที่ผ้าแบบหนาสามารถป้องกันแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้พื้นที่ต่างๆ เช่น ห้องนอน ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและความมืด มีสภาพแสงที่เหมาะสม
รูปลักษณ์และการแขวนผ้า: การผสมผสานความเรียบสนิทของผ้าไหมและความลื่นของผ้าฝ้าย ทำให้ผ้าม่านมีลักษณะตกตัวได้ดีเมื่อนำมาติดตั้ง มีเส้นสายที่เรียบลื่นและเป็นธรรมชาติ ไม่เกิดรอยยับย่นที่ดูยุ่งเหยิง สามารถตกแต่งกรอบหน้าต่างได้อย่างสวยงาม และเสริมสร้างความงามโดยรวมของพื้นที่
ความทนทาน: การเพิ่มเส้นใยฝ้ายช่วยเพิ่มความเหนียวและความทนทานของผ้าม่าน เมื่อเทียบกับผ้าม่านไหมแท้ ผ้าม่านชนิดนี้มีความต้านทานต่อการยืดและการฉีกขาดได้ดีขึ้น ทำให้มีความทนทานมากขึ้นในการใช้งานประจำวัน และสามารถรักษาสภาพและความสมบัติได้ดีเป็นเวลานาน
การเก็บอุ่น: ในฤดูหนาว ผ้าม่านผสมผ้าไหมและผ้าฝ้ายสามารถสร้างชั้นกักเก็บความร้อนได้ในระดับหนึ่ง ช่วยลดการสูญเสียความร้อนภายในอาคาร และเพิ่มความอบอุ่นให้กับพื้นที่ ในฤดูร้อน ความสามารถในการระบายอากาศที่ดีของผ้านี้สามารถช่วยกระจายความร้อน ทำให้รู้สึกสบายตัว
สถานการณ์ที่เหมาะสม
ห้องนอน: พื้นผิวที่มีความแวววาวอ่อนโยน เนื้อผ้าที่อ่อนโยนต่อผิว และสามารถปรับระดับการบังแสงได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับห้องนอน สามารถสร้างบรรยากาศการนอนที่อบอุ่นและเงียบสงบ ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ
ห้องนั่งเล่น: รูปลักษณ์ที่สง่างามและพื้นผิวที่มีคุณภาพสูง สามารถเพิ่มบรรยากาศหรูหราให้กับห้องนั่งเล่น ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับแขกหรือการพักผ่อนในชีวิตประจำวัน ก็ทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลาย แสดงถึงรสนิยมของเจ้าของบ้านได้อย่างชัดเจน
ห้องทำงาน: ม่านผ้าไหมผสมฝ้ายที่เบาบางและโปร่งใส สามารถนำแสงธรรมชาติที่นุ่มนวลเข้ามา สร้างสภาพแสงที่เหมาะสมสำหรับการอ่านหนังสือและการทำงาน ในขณะเดียวกัน เนื้อผ้าที่ให้ความรู้สึกสงบ ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการจดจ่อในการเรียนรู้
ห้องพักโรงแรมระดับไฮเอนด์: ด้วยคุณสมบัติที่ผสมผสานระหว่างความหรูหราและความสะดวกสบาย ตรงกับตำแหน่งการจัดวางระดับพรีเมียมของโรงแรม สามารถมอบประสบการณ์การพักอาศัยที่มีคุณภาพสูงให้แก่ผู้เข้าพัก และยกระดับภาพลักษณ์โดยรวมของโรงแรม
การบำรุงรักษา
การทำความสะอาดทุกวัน: ควรใช้แปรงนุ่มปัดฝุ่นบนพื้นผิวอย่างเบามือเป็นประจำ หรือใช้หัวแปรงนุ่มของเครื่องดูดฝุ่นเพื่อดูดฝุ่นออก เพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของฝุ่นที่อาจส่งผลต่อรูปลักษณ์และพื้นผิวของผ้าม่าน
ข้อควรระวังในการซัก: หากจำเป็นต้องทำความสะอาด ให้เลือกใช้น้ำยาซักผ้าชนิดกลางและซักด้วยมืออย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการขยี้แรงๆ หรือการซักด้วยเครื่อง เพื่อป้องกันความเสียหาย การบิดเบี้ยว หรือสีซีดจางของผ้า หลังจากซักควรตากให้แห้งตามธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงการตากแดดโดยตรง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของผ้าและการซีดจางของสีที่เกิดจากรังสีแสงแดด
หลีกเลี่ยงการดึงแรง: เมื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน ควรดึงผ้าม่านอย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการดึงตะขอและผ้าอย่างรุนแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ตะขอหลุดหรือผ้าฉีกขาด ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของผ้าม่าน
การป้องกันความชื้นและแมลง: ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง ควรระมัดระวังรักษาความโปร่งสบายของห้องเพื่อป้องกันผ้าม่านไม่ให้เปียกชื้นและเกิดเชื้อรา; พร้อมกันนี้ควรตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ และหากจำเป็นสามารถวางสารไล่แมลงจากธรรมชาติในปริมาณเล็กน้อย เพื่อป้องกันความเสียหายจากผีเสื้อกลางคืน
ข้อมูลจำเพาะด้านความกว้าง
ความกว้างของแผงเดี่ยว: ความกว้างมาตรฐานของแผงเดี่ยวโดยทั่วไปมักอยู่ที่ 1.5 เมตร หรือ 2.0 เมตร ซึ่งเหมาะสมกับความกว้างของหน้าต่างส่วนใหญ่ สำหรับหน้าต่างที่กว้างขึ้นสามารถทำให้ครอบคลุมได้ทั้งหมดโดยการต่อแผงหลายแผงเข้าด้วยกัน ส่วนที่ต่อใช้เทคโนโลยีตะเข็บแบบมองไม่เห็น จึงไม่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอก
ความกว้างตามสั่ง: รองรับการสั่งทำตามขนาดจริงของหน้าต่าง โดยมีความกว้างตั้งแต่ 0.5 เมตร ถึง 4.0 เมตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับหน้าต่างรูปทรงพิเศษ หรือหน้าต่างบานยาวเต็มความสูง ช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาความย่นไม่เรียบจากการต่อแผงมากเกินไป
ข้อกำหนดด้านความยาว
ความยาวแบบทั่วไป: ขึ้นอยู่กับระยะห่างจากพื้นดิน โดยทั่วไปจะมีขนาดมาตรฐานคือ 2.7 เมตร, 3.0 เมตร และ 3.3 เมตร ซึ่งสอดคล้องกับหน้าต่างที่มีความสูงจากพื้นปกติ (ประมาณ 2.8 เมตร) และความสูงปานกลางถึงสูง (ประมาณ 3.1 เมตรตามลำดับ) ชายผ้าม่านโดยทั่วไปจะอยู่ต่ำกว่าพื้นประมาณ 2-5 เซนติเมตร เพื่อพิจารณาทั้งด้านความสวยงามและการใช้งานจริง
ความยาวพิเศษ: สำหรับพื้นที่เพดานสูงในบ้านพักอาศัย เช่น วิลล่า สามารถสั่งทำเป็นความยาว 4.0 เมตรขึ้นไปได้ ผลิตภัณฑ์บางชนิดใช้กระบวนการต่อผ้าเป็นตอนๆ เพื่อรักษารูปลักษณ์การพลิ้วของผ้าม่าน พร้อมแก้ไขข้อจำกัดของความกว้างผืนผ้า
ข้อกำหนดด้านน้ำหนักผ้า
น้ำหนักพื้นฐานมักอยู่ที่ 150-400 กรัมต่อตารางเมตร รุ่นเบาซึ่งมีน้ำหนักพื้นฐาน 150-250 กรัมต่อตารางเมตร มีคุณสมบัติในการส่งผ่านแสงได้ดี เหมาะสำหรับใช้เป็นม่านบางหรือม่านหลักในห้องอ่านหนังสือและห้องนอนเด็ก สามารถสร้างแสงและเงาที่นุ่มนวล; รุ่นหนักซึ่งมีน้ำหนักพื้นฐาน 250-400 กรัมต่อตารางเมตร มีคุณสมบัติในการบังแสงและตกตัวของผ้าได้ดี เหมาะสำหรับใช้ในห้องนอนและห้องหนังส่วนตัว ให้ทั้งความเป็นส่วนตัวและช่วยกันเสียงได้ด้วย
ข้อมูลจำเพาะอัตราส่วนจีบ
อัตราส่วนจีบมาตรฐานคือ 1:2 ซึ่งหมายความว่าความกว้างของม่านที่คลี่ออกมานั้นจะเป็นสองเท่าของความกว้างหน้าต่าง ช่วยให้เกิดรอยจีบที่เต็มและเป็นธรรมชาติ และเพิ่มความสวยงามในการตกแต่ง หากต้องการสไตล์ที่เรียบง่าย สามารถเลือกอัตราส่วนจีบที่ 1:1.5 เพื่อประหยัดผ้า; ในพื้นที่ที่ต้องการความหรูหรา สามารถเลือกอัตราส่วนจีบที่ 1:2.5 เพื่อสร้างลักษณะรอยจีบที่ฟูและสวยงาม
ข้อกำหนดระยะห่างตะขอ
ระยะห่างระหว่างตะขอหัวผ้าม่านส่วนใหญ่อยู่ที่ 15-20 เซนติเมตร ซึ่งระยะที่กระจายอย่างสม่ำเสมอนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแรงดึงบนผ้าม่านจะสมดุล ทำให้เวลาดึงผ้าม่านลื่นไหลเรียบเนียนมากขึ้น สำหรับรูปแบบระดับไฮเอนด์บางชนิดสามารถปรับระยะห่างได้ตามการออกแบบจีบ เพื่อให้มั่นใจว่ารูปทรงจีบจะสมมาตรและสวยงาม